เรือรอลุ้น ‘ฮาลันด์’ ดวลหงส์, นิวยังไร้ ‘บ็อตมัน’ เจอเจ้าป่า…ปรีวิว พรีเมียร์ลีก
วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด – น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (21:00 น.)
นิวคาสเซิ่ล จะไม่มี สเวน บ็อตมัน ลงคุมหลังเป็นนัดที่สามติดต่อกันเพราะยังไม่หายจากปัญหารบกวนที่หัวเข่า
โชเอลินตอน กับ จามาล ลาสเซลส์ ก็ยังต้องพักฟื้นต่อไปกับอาการเจ็บรบกวนหัวเข่าเช่นเดียวกัน
ทางด้าน ฟอเรสต์ จะได้ ไทโว อโวนิยี่ กลับมามีชื่อในทีมอีกครั้ง แต่จะต้องใส่หน้ากากเพราะจมูกแตกจากเกมเอฟเอ คัพรอบสี่
คาร์ลอส มิเกล ยังมีอาการเจ็บรบกวนแฮมสตริงจะพลาดการมีชื่อไปอีกครั้ง แต่ก็เป็นนักเตะรายเดียวที่พวกเขาขาดไปสำหรับนัดนี้
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– นิวคาสเซิ่ล พบกับความพ่ายแพ้มา 3 จาก 4 เกมหลังสุดในลีก แถมเสียประตูไปถึง 10 ลูกจากความพ่ายแพ้ทั้ง 3 นัด
– ชัยชนะที่ ฟอเรสต์ มีจากการบุกเยือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค ในซีซั่นที่แล้วถือเป็นชัยชนะหนเดียวจากการพบ นิวคาสเซิ่ล 13 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก (เสมอ 3 แพ้ 9)
เบน ฟรีคิกฟันธง : นิวคาสเซิ่ล ชนะ 2-1
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – ลิเวอร์พูล (23:30 น.)
แมนฯ ซิตี้ จะรอเช็ค เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กันในนาทีสุดท้ายว่าจะพร้อมสำหรับการมีชื่อช่วยทีมหรือไม่ หลังจากปัญหารบกวนที่หัวเข่าทำให้เขาพลาดการลงเล่นเจอ มาดริด ในเกมกลางสัปดาห์
จอห์น สโตนส์ ส่อแววจะต้องพักรักษาตัวไประยะนึงและอาจจะต้องผ่าตัดด้วย นอกนั้นยังขาด โรดรี้ และ มานูเอล อคานยี ที่ยังไม่ฟื้นกลับมา
ลิเวอร์พูล เองจะจับตาดูความพร้อมของ โคดี้ กัคโป ที่พลาดการลงสนามในสองเกมหลังสุดเพราะปัญหาเจ็บเล็กน้อย
คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ ก็ไม่น่าจะได้มีส่วนร่วมในเกมนี้ ขณะที่ โจ โกเมซ ยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวจากการผ่าตัดและอาจจะกลับมาช่วยทีมได้ในช่วงท้ายๆซีซั่น
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– หนเดียวที่ แมนฯ ซิตี้ แพ้ ลิเวอร์พูล คาบ้านจากเกมเหย้าในลีก 15 นัดหลังสุดนั้นต้องย้อนไปเดือนพฤศจิกายนปี 2015
– ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เก็บไปได้ 17 แต้มนับตั้งแต่คริสต์มาส (ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1) มีเพียงแค่ ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล ที่ทำได้ดีกว่าในช่วงเวลาเดียวกัน
– ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ไร้พ่ายมา 22 เกมติดต่อกันในลีก (ชนะ 15 เสมอ 7) เป็นสถิติที่นานสุดนับตั้งแต่ตอนไร้พ่าย 44 เกมรวดในเดือนมกราคม 2019 ถึงกุมภาพันธ์ 2020
– กระนั้น ลิเวอร์พูล หาชัยชนะเจอเพียงแค่ 2 นัดจากการเล่นเกมเยือน 8 นัดในทุกรายการนับตั้งแต่ขึ้นปี 2025 (เสมอ 3 แพ้ 3)
เบน ฟรีคิกฟันธง : เสมอ 2-2
ที่มา: soccersuck
